นวัตกรรมไข่ไอโอดีนและผักไอโอดีน
ไอโอดีน
มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและเสริมสร้างสติปัญญาให้กับเด็กทุกวัย โดยเฉพาะ ตั้งแต่
3 สัปดาห์ถึง 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการพัฒนาสองมากถึงร้อยละ 80
ร่างกายจะใช้ไอโอดีนในการเพิ่มจำนวนและขนาดของเซลล์สมอง รวมทั้งการสร้างใยประสาทเชื่อมต่อกัน
ผลกระทบของการขาดสารไอโอดีน
เนื่องจากไอโอดีนมีบทบาทสำคัญในการสร้างไทรอยด์ฮอร์โมนของร่างกาย
ซึ่งฮอร์โมนนี้จะเป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
โดยทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดสารไอโอดีนจะมี IQ ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เตี้ย แคระแกรน เป็นใบ้หูหนวก เชื่องช้า พัฒนาการช้า
ปัญญาอ่อน ผิดปกติของระบบ
ประสาทและการเคลื่อนไหว
ความต้องการไอโอดีนของร่างกาย
เด็กแรกเกิด-6 ปี
ต้องการวันละ 90 ไมโครกรัม
เด็กอายุ 7-12
ปี ต้องการวันละ 120 ไมโครกรัม
เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปต้องการเฉลี่ยวันละ 150 ไมโครกรัม
หญิงตั้งครรภ์
ต้องการวันละ 250 ไมโครกรัม
หญิงให้นมบุตร ต้องการวันละ 250 ไมโครกรัม
***ตำบลนาพู่ผลิต ไข่ 1 ฟอง มีไอโอดีนประมาณ 170 ไมโครกรัม ****
แหล่ง
ไอโอดีนในธรรมชาติ
พบมากในดินและน้ำแถวราบลุ่มปากน้ำชายทะเล
ทำให้พืชผักและสัตว์ทะเลมีไอโอดีนมากไปด้วย เช่น
สาหร่ายทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก ปลาทู ปลากระป๋อง เป็นต้น
แต่ราคาค่อนข้างแพงและ
การจัดหามาประกอบอาหารอาจไม่สะดวก
การเสริมไอโอดีนในห่วงโซ่อาหาร เช่น ไข่ไก่ พืชผัก
เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน
- การเตรียมเล้าไก่ -การให้ความอบอุ่น
- การให้วัคซีนทุก 3
เดือน -การให้อาหารไก่
- การเก็บขี้ไก่
เป็นต้น
2. การเลี้ยงไก่
จับกลุ่มกันกลุ่มละ 10-20 หลังคาเรือน (หลังคาเรือนละ 5 ตัว)
ตัวแทนกลุ่มผสมหัวอาหารครั้งละ 30 กิโลกรัม แบ่งให้สมาชิกกลุ่มหลังคาเรือนละ 2-3
กิโลกรัม ใช้ให้หมดภายใน 3-5 วัน
แล้วจึงผสมหัวอาหารใหม่หรือถ้าเลี้ยงคนเดียว ไก่ 50 ตัวขึ้นไป
จะดูแลเรื่องคุณภาพไอโอดีนได้ดีกว่า
3. การผสมหัวอาหารไก่ นำอาหารไก่ 30 กิโลกรัมผสมกับพรีมิกซ์
(หัวอาหารไอโอดีน) หนึ่งถุง คลุกเคล้าในที่ร่ม/แห้ง นานประมาณ 20 นาที แล้วเก็บใส่ถุงหรือถังไว้แบ่งกันภายในกลุ่ม ผสมแต่ละครั้งใช้ให้หมดภายใน 3-5 วัน
4. การเก็บหัวอาหารที่ผสมไอโอดีนแล้ว เก็บใส่ถุงหรือถังให้มิดชิด ไม่ให้ถูกแสงแดดและความชื้น
การปลูกผักไอโอดีน
1. ควรปลูกผักแต่ละแปลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ( ไม่ควรปลูกพร้อมกันทีเดียว
) เพื่อให้มีผักหมุนเวียนได้กิน ได้ขายตลอดปี
2. ผักแต่ละชนิด ก่อนเก็บขาย
หรือ เก็บกิน 7 วัน ให้พ่นสารไอโอดีน หลังจากนั้นให้รดน้ำธรรมดา จนกระทั่งวันที่จะเก็บขาย หรือ เก็บกิน
3. การพ่นสารไอโอดีน
ควรพ่นในตอนพลบค่ำ หรือ ตอนเย็น ๆ (
แดดไม่จัด - ไม่มีแดด )
4. การผสมสารไอโอดีน 1
ขวด ต่อ น้ำ 20 ลิตร ( ถังน้ำขาว) ผสมแล้วใช้ให้หมดครั้งเดียว
5. ผักที่ดูดซับสารไอโอดีนเข้าทางปากใบได้ดี คือ ผักที่กินใบทุกชนิด ยกเว้น
ผักที่มีกลิ่นฉุนมาก ๆ เช่น กระเทียม เป็นต้น
6. หากน้ำที่ผสมสารไอโอดีนแล้ว
เหลือ
สามารถนำไปรดหรือพ่นพืชผักที่รั้วบ้านได้
7. สารไอโอดีนเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสง
ความร้อน ความชื้น และมีวันหมดอายุที่ข้างขวด
8. ผักที่พ่น / รดด้วยสารไอโอดีน สามารถนำไปผัด ต้ม นึ่ง ได้
โดยสารไอโอดีนยังคงอยู่ในผัก
สารไอโอดีนรดผักและผสมอาหารไก่
สอบถามได้ที่ รพ.สตนาพู่ 081-5447077 หรือศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 อุดรธานี